สรุปการเตรียมความพร้อมส่วนที่ขอเลื่อนเป็น สย.

 

 

"สรุปการเตรียมความพร้อมส่วนที่ขอเลื่อนเป็น สย."



วันนี้มาสรุปการเตรียมความพร้อมส่วนที่ขอเลื่อนเป็น สย. ในส่วนของผู้คำนวณออกแบบโครงสร้าง ดังนี้

1. ผู้สอบควรมีงานออกแบบที่มีขอบเขตการทำงานที่ใกล้เคียงกับ สย. โดยอาจเป็นผู้ออกแบบร่วม

2. ผู้สอบควรมีความรู้พื้นฐานอย่างใดอย่างหนึ่งตามประสพการณ์ที่ทำการออกแบบ เช่น ออกแบบอาคาร คสล. ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งระหว่าง working stress design และ strength design

3. ตอบคำถามที่มักเริ่มต้นด้วย concept ของวิธีที่ใช้ในการออกแบบ เช่น (ยกตัวอย่างให้) วิธี WSD ใช้การพิจารณาจาก ความเข้ากันได้ของความเครียด (strain compatibility) โดย strain นั้นเป็น linear และทำให้เกิดหน่วยแรงไม่เกินที่กำหนดไว้ในวิธี working stress อย่างไรก็ตามหน่วยแรงใช้งานของคอนกรีตที่ตามกฏกระทรวงใช้มีค่าเท่ากับเท่าไหร่? หลายคนตอบไม่ได้ และบางคนตอบว่าเท่ากับ 0.45fc' ซึ่งถูกหรือไม่ ? และวิธีกำลัง ใช้พื้นฐานจากการคำนวณกำลังที่ออกแบบที่ได้จากกำลังระบุที่พิจารณาจากหน้าตัดและกำลังขอวัสดุที่ใช้ไปลดด้วยตัวคูณลดกำลัง และต้องมากกว่าและเท่ากับกำลังที่ต้องการที่ได้จากน้ำหนักบรรทุกที่ปรับค่าแล้ว (factored load)

4. ตามวิธีกำลัง กรรมการอาจถามถึงตัวคูณลดกำลัง และตัวคูณนั้นกำหนดขึ้นจากอะไร

5. Load combination ตามกฏหมายกำหนดไว้เท่าไหร่ ต่างจากที่กำหนดในกฏกระทรวงอย่างไร และตามการกำหนดใหม่ล่าสุดตาม ASCE-05 กำหนด Load Combination ของ DL และ LL ไว้อย่างไร

6. ทั้งสองวิธีกำหนดการจัดวางน้ำหนักบรรทุก (Placement load) อย่างไร ? เพื่อให้ได้ค่าแรงสูงสุด

7. ใครที่ทำ steel structures ควรทราบรายละเอียดขอการออกแบบวิธีใดวิธีหนึ่ง ระหว่าง allowable stress design vs. Load resistance factored design 

8. นอกจากนั้นอาจมีคำถามว่าปัจจุบัน AISC กำหนดวิธีการออกแบบเป็นมาตรฐานเดียวกันแล้ว ระหว่าง allowable strength (ไม่ใช่ stress) design และ LRFD มี concept อย่างไร?

9. ในการออกแบบ steel truss เรากำหนดรูปทรง (truss configuration) อย่างไร ? N-truss มีจุดเด่นอย่างไร ? ใช้กับการออกแบบ truss ที่มีลักษณะใด เกณฑ์ในการออกแบบมีอะไรบ้าง ? เราตรวจสอบ deflection ของ truss ว่ามีค่าไม่เกินเท่าใด (เกือบทั้งหมดตอบว่าเท่ากับ L/360 ถูกต้องหรือไม่่)

10. คนที่ออกแบบโดยใช้ computer อาจได้คำถามว่าเราใส่ข้อมูลอะไรเข้าไป และจะตรวจสอบได้อย่างไรว่าผลลัพธ์ถูกต้อแล้ว

11.ต้องรู้เรื่องการออกแบบต้านทานแรงแผ่นดินไหว อย่างน้อยที่สุดกฏกระทรวง 2550 และมาตรฐาน มยผ. 1301 

12. ตามวิธี Equivalent Static Load มีพื้นฐานมาจากสมการง่ายๆ ของ Newton สมการนั้นคืออะไร? (แนะนำ F = ma) ///การกำหนด base shear force ทำอย่างไร ? ตัวแปรที่สำคัญๆ เช่น ค่า K มีผลต่อการคิดแรงเฉือนที่ฐานอย่างไร ?

13. การให้รายะเอียด (detailing) ให้โครงสร้างมีความเหนียวเพื่อรับแรงแผ่นดินไหวตาม มยผ. มีอะไรบ้าง (เสา คาน พื้น)

14. แผ่นพื้นท้องเรียบกับแผ่นดินไหว จะต้องพิจารณาอะไรเพิ่มเติม

15. ใครที่ออกแบบอาคารรับแรงลม ตาม มยผ. ควรรู้ว่าคิดแรงลมอย่างไร ? wind speed ที่อยู่ตามภูมิภาคต่างๆ เท่ากันหรือไม่ ? และเขตแถวกรุงเทพ มีความเร็วเท่าไหร่? และใช่้ความเร็วลมที่กี่ปี return period ?

เท่าที่คร่าวๆ จะมีคำถามประมาณนี้ สุดท้ายที่สำคัญคือต้องทำให้กรรมการเชื่อว่าเรามีความสามารถที่จะออกแบบอาคารได้ด้วยตนเอง

 


 

ในส่วนของ งานควบคุมการก่อสร้าง อาจแบ่งออกเป็น construction supervision และงานบริหารการก่อสร้าง (construction management)

ส่วนงาน CS ผู้สอบควรมีประสพการณ์ด้านการควบคุมให้งานก่อสร้างเป็นไปตามแบบและหลักปฏิบัติ

เช่นควรมีความรู้เรื่องการจัดทำ

1. Site layout ที่เหมาะกับการก่อสร้าง

2. การจัดทำ Method statement และวัตถุประสงค์ในการจัดทำ

3. ความรู้ดเรื่องวัสดุที่ใข้ในการก่อสร้่าง คอนกรีต เหล็กเสริม อย่างดี เช่น low heat concrete กับ Normal concrete ใช้งานโดยมีวัตถุประสงค์อย่างไร และการบ่มคอนกรีตแตกต่างกันอย่างไร

4. การเทพื้นคอนกรีตขนาดแผงใหญ่ จะทำอย่างไรให้ได้ระดับ ลดการแตกร้าว และการแตกร้าวเกิดจากอะไร ?

5. การต่อเหล็กเสริมที่ถูกต้องในการก่อสร้างเพื่อต้่นทานแรงแผ่นดินไหว แรงลม ตามมาตรฐาน การดัดเหล็กปลอกในเสาและเหล็กลูกตั้งในคาน

6. Construction Joint ในคานและพื้น

7. Cold joint คืออะไร ในงานคอนกรีต

8. การตรวจสอบและการควบคุมคุณภาพการก่อสร้างทำอย่างไร ?

9. การบริหารงานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุในการก่อสร้างและสภาพข้างเคียงโครงการ ประมาณนี้ครับ

 


 

ส่วนงาน CM (ผมไม่ถนัดนัก) น่าจะประกอบไปด้วยหลักปฎิบัติในการบริหารโครงการ อาทิ

1. Organization คืออะไร ? มีกี่แบบ

2. Site layout

3. Project Control : cpm, S -curve จัดทำเพื่อ?

4. Project quality control and project assesment

5. Project delivery

6. Project safety และหลักการต่าง ๆ ในวิชา construction management ดูทบทวนกันทั้งหมดครับ

 


 

คนต่างชาติที่ทำงานในเมืองไทย อาจขอใบอนุญาติได้โดยช่องทางภาคีพิเศษ แต่จะได้รับใบอนุญาตทำงานเพียงด้านใดด้านหนึ่ง แต่สามารถทำงานได้ครอบคลุมถึงระดับสามัญ. แต่ในกรณีที่ทำงานในต่าวประเทศและไม่ได้เข้าทำงานในประเทศไทยจะไม่สามารถขอรับใบอนุญาตได้ครับ

↑ Back to top

ผู้โหวตบทความนี้

Wayu Suntharos,Supap Nhunoi,Pipe Fiftyseven Rid,Manop Viyasing,เปิ้ล ทั่วไทย,ธีรเดช พฤทธิ์ธนังกุล,Little Witchy,Jestana Phakapuang

«« กดโหวตตรงนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น